ยาแก้ไข้และไอที่แม่ๆควรรู้

ยาแก้ไข้และไอที่แม่ๆควรรู้

ยาแก้ไข้และไอที่แม่ๆ ควรรู้

สวัสดีค่ะคุณแม่ทุกคน! สมัยนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ไอและไข้ก็เลยมักจะตามมาเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในเด็กๆ ที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง บทความนี้เราจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับ ยาแก้ไข้และยาแก้ไอ ที่คุณแม่ควรรู้กันนะคะ

ยาแก้ไข้

ยาแก้ไข้มักจะเป็นยาที่มีส่วนผสมของ พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ซึ่งสามารถช่วยลดไข้และบรรเทาอาการเจ็บปวดได้

  1. พาราเซตามอล (Paracetamol)

    • การใช้งาน: ใช้เมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37.5°C
    • ข้อดี: ไม่มีผลต่อกระเพาะอาหาร เหมาะสำหรับเด็ก
    • ข้อควรระวัง: ห้ามเกินขนาดที่แนะนำ เพราะอาจทำลายตับได้
  2. ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)

    • การใช้งาน: ใช้เมื่อมีอาการไข้และปวด
    • ข้อดี: ลดไข้และบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ดี
    • ข้อควรระวัง: ควรกินพร้อมอาหารเพื่อช่วยป้องกันการระคายเคืองกระเพาะ

    ยาแก้ไอ

ในกรณีที่มีอาการไอ ร่างกายมักจะต้องการขับเสมหะหรือลดการอักเสบ ดังนั้นคุณแม่ควรเลือกใช้ยาแก้ไอที่เหมาะสม ได้แก่:

  1. ยาแก้ไอแบบแห้ง (Antitussives)

    • การใช้งาน: ใช้เมื่อมีอาการไอแห้ง ไม่คั่งเสมหะ
    • ตัวอย่าง: เดกซิโตรเมธอร์ฟาน (Dextromethorphan)
    • ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้เกินอายุที่แนะนำและควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ในเด็กเล็ก
  2. ยาขับเสมหะ (Expectorants)

    • การใช้งาน: ใช้เมื่อมีอาการไอที่มีเสมหะ
    • ตัวอย่าง: กัวฟิเนซิน (Guaifenesin)
    • ข้อดี: ช่วยขับเสมหะให้หลุดออกมาได้ง่ายขึ้น
    • ข้อควรระวัง: ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ยามีประสิทธิภาพ

    ข้อควรจำ

  • ก่อนให้ยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อมั่นใจว่ายาผิดประเภทหรือไม่
  • ตรวจสอบอาการและความเหมาะสมกับวัยของเด็กเสมอ
  • ควรใช้ยาในปริมาณที่ถูกต้องตามอายุและน้ำหนัก

    สรุป

ยาแก้ไข้และยาแก้ไอเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรมีติดบ้าน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอาการเจ็บป่วยของเด็กๆ แต่ก็อย่าลืมว่ายาจะมีประสิทธิภาพเมื่อใช้อย่างถูกต้องและในเวลาที่เหมาะสม เมื่อมีข้อสงสัยก็ให้ consult กับแพทย์ที่ดูแลนะคะ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณแม่ในการดูแลสุขภาพของลูกน้อยกันนะคะ!